สี สามารถบ่งบอกบุคลิกและตัวตนของเจ้าของห้อง และมีพลังในการลวงตาทำให้รูปร่างและขนาดของห้องเปลี่ยนแปลงไปได้ตามที่นักออกแบบภายในต้องการ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า สีของห้องสามารถส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยในห้องนั้นได้ สิ่งนี้เรียกว่า Color Psychology หรือจิตวิทยาของสี
Color Psychology หรือจิตวิทยาของสีคืออะไร ?
จิตวิทยาในการใช้สี คือการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน เกี่ยวกับความสัมพันธ์กันระหว่างสีและอารมณ์ การรับรู้ ความรู้สึก และพฤติกรรมของมนุษย์ จากการศึกษาวิจัยพบว่า 84.7% ของมนุษย์เลือกซื้อของจากสี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งที่อยู่อาศัย เพื่อแสดงออกถึงตัวตนและความรู้สึกของตัวเอง ทำให้มีการนำจิตวิทยาสีมาประยุกต์ใช้ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น การออกแบบสินค้า ผลิตภัณฑ์ สื่อต่าง ๆ การออกแบบอาคารและการออกแบบภายใน ไปจนถึงการใช้สีเพื่อการบำบัดร่างกายและจิตใจ
การออกแบบภายในโดยใช้จิตวิทยาของสี
คุณเคยสังเกตไหมว่าทำไมร้านอาหารฟาสฟู๊ดจึงเลือกใช้สีแดงเป็นสีหลักในการตกแต่ง เพราะว่าสีแดงช่วยเพิ่มความรู้สึกหิวและความอยากอาหารให้กับลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน ส่งผลให้พนักงานสามารถนำเสนอเมนูอาหารเพิ่มมากขึ้น หรือที่เรียกว่าการ Up-selling นั่นเอง ในขณะที่ในออฟฟิศมักจะเลือกใช้สีเทา เพราะว่าสีเทานั้นเป็นสีที่ส่งผลให้เกิดความรู้สึกสงบ ช่วยให้พนักงานมีสมาธิและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะเห็นได้ว่าในการออกแบบภายใน การเลือกใช้สีให้เหมาะสมกับห้องนั้นมีความสำคัญมาก ต้องผ่านกระบวนการคิดและวิเคราะห์ว่าห้องนั้นมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างไร ควรเลือกใช้สีใดเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ การเลือกสีสำหรับที่อยู่อาศัยก็เช่นกัน นอกจากช่วยส่งเสริมไลฟ์สไตล์และตอบโจทย์บุคลิกตัวตนของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังช่วยส่งเสริมอารมณ์ความรู้สึกอีกด้วย
Color Psychology จะแบ่งกลุ่มสีออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1. สีอุ่น (Warm Colors) ส่งผลทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น ความสดใส ความรวดเร็ว มีพลังกำลัง ไปจนถึงความรู้สึกโกรธและความใจร้อน
2. สีเย็น (Cool Colors) จะให้ความรู้สึกสงบ สบายใจ ผ่อนคลาย แต่ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกเศร้าและเย็นชาได้เช่นเดียวกัน
3. สีกลาง (Neutral Colors) ส่งผลให้เกิดความรู้สึกสบาย โปร่งโล่ง หรูหรา คลาสสิก ถือเป็นโทรสีอเนกประสงค์ที่สามารถใช้ได้แทบจะทุกห้อง
โดยเมื่อเจาะลึกลงไปในสเปกตรัม สีแต่ละสีนั้นจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน เหมาะกับกิจกรรมหรือวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งจำเป็นต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับห้องด้วย
สีแดง
สีที่เข้มข้นและเจิดจ้าที่สุดในสเปกตรัม ให้ความรู้สึกถึงพลังงาน ความร้อนแรง ความตื่นเต้น ความรัก แพชชั่น นอกจากนี้ยังมีส่วนในการเพิ่มความดันโลหิต ความเร็วในการหายใจ และอัตราการเต้นของหัวใจด้วย ดังนั้น สีแดงเป็นสีที่ดึงดูดผู้คนเข้าด้วยกันและสามารถช่วยกระตุ้นการสนทนาจึงเหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก อีกทั้งยังช่วยกระตุันความรู้สึกหิวจึงเหมาะกับห้องรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถใช้สีแดงที่บริเวณทางเข้าบ้าน เพื่อสร้างความประทับใจแรกให้กับแขกที่เข้ามาเยี่ยมเยือน ในทางกลับกัน สีแดงเป็นสีที่ส่งผลให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ควรเลือกใช้ในห้องที่ต้องการความสงบ เช่น ห้องพระหรือห้องนอน
สีส้ม
เป็นอีกสีที่ให้ความรู้สึกถึงพลังและความรู้สึกตื่นเต้น เหมาะกับห้องออกกำลังกายหรือห้องเด็กเล่นของลูก ๆ เพราะช่วยกระตุ้นความกระตือรือร้นในการออกกำลังกาย และส่งผลให้รู้สึกสนุกสนานอยู่ตลอด นอกจากนี้ สีส้มส่งผลให้รู้สึกมีพลังและการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ควรใช้กับห้องที่ต้องการบรรยากาศที่สงบ
สีเหลือง
สื่อถึงความสุข ความสดใส ความสร้างสรรค์ และความสนุกสนาน เป็นสีของแสงอาทิตย์และความเป็นมิตร โดยสามารถใช้ได้กับทุกห้องที่สามารถใช้สีแดงและสีส้มได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้สีเหลืองในพื้นที่เล็ก ๆ หรือมุมที่มีแสงสว่างเข้าถึงได้น้อย เช่น ห้องน้ำ โถงทางเดิน ห้องเก็บเสื้อผ้า เป็นต้น เพราะสามารถทำให้พื้นที่นั้นดูสว่างมากขึ้น
สีเขียว
สีที่บ่งบอกถึงธรรมชาติ เป็นสีที่สบายตา มอบความรู้สึกสงบให้กับผู้อยู่อาศัย สีเขียวคือส่วนผสมอันกลมกลืนของสีฟ้าที่ให้ความสดชื่น และสีเหลืองที่ให้ความรู้สึกร่าเริงและมีความสุข จึงเป็นสีที่สามารถใช้ได้กับทุกห้องในบ้าน
สีฟ้าหรือสีน้ำเงิน
เป็นสีที่ให้ความรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย ผ่อนคลาย ซึ่งช่วยเพิ่มสมาธิและ productivity รวมถึงลดความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจด้วย เรียกได้ว่าเป็นสีที่ให้ความรู้สึกตรงข้ามกับสีแดง เหมาะสำหรับทุกห้องตั้งแต่ ห้องนอน ห้องทำงาน ไปจนถึงพื้นที่อ่านหนังสือของเด็ก ๆ จุดสำคัญสำหรับการเลือกใช้สีน้ำเงินคือ ควรเลือกเฉดสีที่เบาและนุ่มนวลที่สุด เนื่องจากเฉดสีน้ำเงินเข้มสามารถทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าหมองได้ หากต้องการใช้สีน้ำเงินเข้มจริง ๆ ควรใช้ในห้องที่มีแสงสว่างธรรมชาติมาก ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกหม่นหมองจนเกินไป
สีม่วง
โทนสีม่วงเข้มให้ความรู้สึกหรูหราและอ่อนหวานอย่างน่าทึ่ง เฉดสีม่วงอ่อนทำให้เกิดความอบอุ่นและความสงบ ชวนให้นึกถึงสีน้ำเงินและสีแดงที่รวมกันจนเกิดเป็นสีม่วงขึ้นมา ถือเป็นสีที่เป็นได้ทั้งสีโทนร้อนและเย็น สีม่วงจะเพิ่มความลึกลับน่าค้นหา น่าดึงดูดและความรู้สึกถึง creativity เหมาะสำหรับเลือกใช้ในห้องนอน ห้องทำงาน และห้องนั่งเล่น ห้องอ่านหนังสือ
สีน้ำตาล
ถือเป็นสีกลางที่ให้ความรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เนื่องจากเป็นสีเฉดเดียวกับวัสดุหรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ สามารถเลือกใช้ได้กับทุกห้องในบ้าน เพราะเป็นสีที่นุ่มนวล ให้ความรู้สึกสงบ ปลอดภัย หนักแน่น และมั่นคง มีกลิ่นอายของการตกแต่งภายในแบบคลาสสิกดั่งเดิม แต่ข้อควรระวังคือ หากใช้สีน้ำตาลมากเกินไป จะทำให้เกิดความรู้สึกเคร่งเครียด จริงจัง ขึงขัง และไม่ผ่อนคลาย
สีเทา
สีที่ให้ความคลาสสิก หรูหรา สุขุม และมีความเป็นผู้ใหญ่ เนื่องจากไม่ฉูดฉาดจนเกินไป ข้อแนะนำในการใช้สีเทาคือ ควรจับคู่ใช้กับสีอื่น ๆ เพื่อขับให้สีอื่นโดดเด่น เพราะสีเทาสามารถเข้ากันได้ดีกับสีอื่น ๆ แทบทุกสี สีเทาโทนอุ่นที่จับคู่กับสีโทนร้อน เช่น สีเหลืองหรือสีส้ม สามารถทำให้ห้องมีความรู้สึกมีชีวิตชีวา หรือหากจับคู่กับสีน้ำตาลหรือขาว ก็จะช่วยเพิ่มลูกเล่นและทำให้ห้องมีความน่าสนใจมากขึ้น ไม่ดูเรียบหรือน่าเบื่อจนเกินไป
สีดำ
ตามหลักจิตวิทยาสีสื่อถึงความลึกลับ พลังอำนาจ ความรู้สึกทันสมัย ความหรูหรา ในอีกทางหนึ่งก็ถูกยึดโยงกับหลักความเชื่อ ในหลาย ๆ วัฒนธรรมเชื่อว่าสีดำสื่อถึงความชั่วร้าย ความตาย ความมืดมิด ความทุกข์ คนส่วนใหญ่จึงไม่นิยมใช้เป็นสีหลัก เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่ มืดมิด อึมครึม นอกจากนี้ สีดำเป็นสีที่ดูดความร้อนได้ดีที่สุด ทำให้บรรยากาศของห้องนั้นร้อน อบอ้าว ไม่สบายตัว จึงมักจะถูกใช้ในลักษณะเดียวกับสีเทา คือเป็นสีที่ช่วยเสริมให้สีอื่น ๆ ในห้องนั้นดูโดดเด่นมากขึ้นแทน
สีขาว
เป็นสีที่สื่อถึงความสะอาด ความบริสุทธิ์ ความเรียบง่าย ไร้พันธนาการ ถือเป็นสีอเนกประสงค์ที่สุดในทุกสี สามารถใช้ได้กับทุกห้องในบ้าน โดยเฉพาะห้องที่ต้องการความรู้สึกสงบ เช่น ห้องพระหรือห้องนอน หรือ ห้องที่ต้องการความรู้สึกสะอาด เช่น ห้องน้ำหรือห้องครัว ข้อควรระวังในการใช้สีขาวคือ หลีกเลี่ยงใช้กับห้องที่เปิดโล่งมีแสงส่องเข้ามาได้มาก เพราะสีขาวมีความสามารถในการสะท้อนแสงได้ดี อาจจะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกไม่สบายตาได้
ในการออกแบบภายในและการเลือกใช้สีนั้น INFINI I.A. มีบริการ DesTech ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Realtime Rendering ที่เป็นตัวช่วยในการแสดงสีห้องให้ลูกค้าเห็นได้อย่างชัดเจน และเทคโนโลยี Room Simulator ที่ช่วยให้การเปรียบเทียบ Mood & Tone จากการเลือกใช้สีและการตกแต่งภายในแบบต่าง ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ในการสัมผัสงานดีไซน์รูปแบบใหม่ให้กับลูกค้า
พบกับประสบการณ์ระดับ Iconic ได้แล้ววันนี้ที่ INFINI I.A. โทร. 02 233 5193 หรือ LINE: @infini-ia ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 10:00 - 19:00 น.
Comments